วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

สถานที่ท่องเที่ยว

                                              วัดอนาลโยทิพยาราม

วัดอนาลโย ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสันป่าบง หมู่ที่ ๖ ตําบลสันป่าม่วง อําเภอเมือง จังหวัดพะเยา
มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒,๘๐๐ ไร่ เริ่มการก่อสร้างโดยพระอาจารย์ไพบูลย์สุมังคโล ขณะท่านอยู่วัดรัตวนาราม
ท่านมีปรากฏการณ์เห็นทรายทองไหลลงมาสู่วัดเป็นสายรังสีแสงของทรายทองที่ไหลพรั่งพรูราวกับสายน้ํานั้น
อาบวัดทั้งวัดแทบจะกลายเป็นวัดทองคํา ท่านมองทวนลําแสงสีทองไป ก็เห็นเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยา
จากนั้นได้มีโยมอาราธนาไปดูสถานที่สําคัญและแปลกประหลาดเพื่อจะได้สร้างสํานักสงฆ์ไว้เป็นที่บําเพ็ญกุศลของชาวบ้าน
สืบเนื่องจากชาวบ้านมักจะเห็นแสงสว่างเป็นดวงกลมล่องลอยไปมาอยู่บนดอยสูง แสงนั้นดูสว่างเรืองรองบางทีก็
สว่างจ้าเป็นสีเหลืองสดอาบทั้งดอยราวกับเป็นดอยทองคํา เหตุการณ์เหล่านี้มักปรากฏในวันสําคัญทางพุทธศาสนา
เช่น วันพระ ๘ หรือ ๑๕ ค่ํา เป็นต้น หลังจากที่พิจารณาดูสถานที่แล้วเห็นว่าเป็นสถานที่สวยเหมาะสมแก่การเจริญ
เมตตาภาวนาเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะสร้างให้เป็นสถานที่พักปฏิบัติธรรม





ซุ้มประตูวัดอนาลโยทิพยาราม
ซุ้มประตูวัดอนาลโยทิพยาราม หลัง จากชมความงามของศาลาจตุรมุขแล้วก็เดินย้อนกลับมาทางเข้าวัดที่ตอนแรกจะเห็น ซุ้มประตูและบันไดพญานาคแห่งนี้ระหว่างทางเดินมีร้านค้าบริการมากมายทั้ง เครื่องดื่มและของฝาก ซุ้มประตูแห่งนี้สร้างเหมือนปราสาทหินโบราณสวยงาม



ซุ้มประตูวัดอนาลโยทิพยารามซุ้มประตูวัดอนาลโยทิพยาราม เมื่อ เดินขึ้นบันไดมาจะเห็นพญานาคที่มีร่างเป็นมนุษย์แต่ส่วนหางเป็นพญานาคขดเป็น ฐานนั่งอยู่ที่หน้าซุ้มประตูกับป้ายชื่อวัดดนาลโยที่ใช้อักษรสวยงาม





จุดเริ่มต้นทางเดินบันไดพญานาคจุดเริ่มต้นทางเดินบันไดพญานาค ด้าน หลังพญานาคที่ซุ้มประตูมีงานประติมากรรมปูนปั้นรูปร่างคล้ายยักษ์แบกอ่างรูป แปดเหลี่ยมบนรอบๆ อ่างทำเป็นบุตรพญานาคยังเด็กยืนล้อมอ่าง แต่ละด้านของอ่างแปดเหลี่ยมมีงานปูนนูนต่ำเป็นรูปต่างๆ กัน
 


บันไดวัดอนาลโยทิพยาราม 
  บันไดวัดอนาลโยทิพยาราม ข้อมูล จากชาวบ้านบอกเล่าว่าบันไดนี้มี 200 กว่าขั้น หากไม่มีเรี่ยวแรงเดิน หรือมีเวลาไม่มากพอชาวบ้านที่นี่มีรถบริการขึ้นดอยบุษราคัม คนละ 50 บาท หรือเหมาเที่ยวหลายๆ แห่ง 400 บาทสำหรับผู้ที่นำรถมาเองขับขึ้นไปได้เพราะทางไม่ชันมากมายอะไรนัก


บันไดพญานาควัดอนาลโยทิพยาราม
 บันไดพญานาควัดอนาลโยทิพยาราม ช่วง ต่อระหว่างบันไดซุ้มประตูและบันไดพญานาคที่จะเดินขึ้นไปยังวัด เป็นจุดเริ่มต้นของพญานาคเลื้อย มี 3 เศียรทั้ง 2 ข้าง ลวดลายละเอียดสวยงาม ทางเดินเป็นป่าไม้ร่มรื่น



ศาลาเจ้าแม่กวนอิม 
ศาลาเจ้าแม่กวนอิม เป็น จุดแรกที่ลานจอดรถบนเขาวัดอนาลโยต้องจอดรถตรงนี้แล้วเดินเข้าไปบริเวณของวัด กว้างใหญ่มากหากจะเดินชมทั้งหมดรวมทั้งพุทธอุทยานเขาตรีเพชร อาจจะต้องใช้เวลาทั้งวัน



ซุ้มประตูทางเข้าบนเขา

 ซุ้มประตูทางเข้าบนเขา ที่ บนเขาดอยบุษราคัมก็มีซุ้มประตูที่สร้างในลักษณะปราสาทโบราณเหมือนซุ้มประตู ด้านล่าง บนยอดซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนหันพระพักตร์ไปตรงข้ามกัน (หันหลังเข้าหากัน) ทำให้มองเห็นพระพุทธรูปทั้งตอนเดินเข้าและเดินออกจากประตู

แท่น ๑๒ นักษัตร
 
 แท่น ๑๒ นักษัตร เป็น แท่นที่สร้างด้วยปูนลักษณะเป็นวงกลมอยู่ไม่ห่างจากซุ้มประตูมากนัก นักท่องเที่ยวหลายคนที่เดินผ่านแท่นนี้จะอธิษฐานตั้งเหรียญตรงกับปีเกิดของ ตนเอง จนมีเหรียญวางอยู่บนแท่นนี้จำนวนมาก ข้างๆ แท่นมีวัตถุมงคลให้บูชาชื่อ ศาลาอนาลโยมงคล มีหนังสือประวัติการสร้างวัดอนาลโยเล่มละ 50 บาท หนามาก เพราะเล่าเรื่องประวัติพระอาจารย์ไพบูลย์ สุมงฺคโล อดีตเจ้าอาวาสผู้เริ่มก่อสร้างวัดรัตนวนาราม และวัดอนาลโยทิพยารามแห่งนี้ เมื่อปี ๒๕๑๒ และปี ๒๕๒๓ ตามลำดับ

หอพระสยามเทวาธิราช
หอพระสยามเทวาธิราช ระหว่าง ทางเดินมีอาคารต่างๆ มากมายจนไม่อาจบรรยายได้ครบทั้งหมด อย่างเช่น หอพระสยามเทวาธิราชเป็นลักษณะคล้ายซุ้มศาลาหลังไม่ใหญ่มาก มีทางเข้าออกทางเดียว มีช่องหน้าต่างเล็กๆ พอให้แสงลอดเข้ามาได้ อยู่ห่างจากหอหลวงปู่ขาว อนาลโย ซึ่งมีรูปปั้นเหมือนหลวงปู่ขาวอยู่ภายในเพียงเล็กน้อย




รูปจำลองนาคมานพในเครื่องทรงกษัตริย์


 รูปจำลองนาคมานพในเครื่องทรงกษัตริย์ สร้าง ไว้บนบันไดทางเดินอยู่ตรงกลาง แบ่งทางเดินออกเป็น 2 ทางวันที่เปิดน้ำพุจากบันไดพญานาคทั้ง 2 ข้างจะเห็นสายน้ำพุพุ่งเข้ามาประสานกัน


วิหารพระพุทธชินราช
วิหารพระพุทธชินราช อยู่ นอกทางเดินด้านซ้ายมือใกล้กันกับรูปจำลองนาคมานพ หากเดินเข้าวิหารหลังนี้จะมีทางเดินทะลุออกด้านหลัง กลับไปยังทางเดินหลักได้ตามเดิม


พระพุทธชินราชจำลอง



พระพุทธชินราชจำลอง เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานในวิหารพระพุทธชินราชวัดอนาลโย







วิหารพระหมื่นปีวิหารพระหมื่นปี เป็น วิหารทรงสูงหลังคาหลายชั้น ขนาดค่อนข้างกว้างขวางอยู่นอกทางเดินหลักแต่ไม่ไกลนัก ภายในสามารถบรรจุพระภิกษุสงฆ์ได้หลายรูป มีอาสนและเก้าอี้อยู่ภายในน่าจะเป็นที่ใช้สำหรับพิธีสังฆกรรมในบางครั้ง เมื่อเข้าไปภายในมีแสงลอดเข้ามาจากหน้าต่างทั้ง 2 ข้างแต่ไม่มาก มองเห็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในแต่การถ่ายภาพภายในค่อนข้างลำบาก ต้องมีขาตั้งไปด้วยพานดอกบัวที่เห็นวางอยู่ที่แท่นบูชาพระพุทธรูปแสดงให้ เห็นว่ามีการเปลี่ยนดอกบัวทุกวัน
พระพุทธรูปปางนาคปรกแบบศิลปะไทย


พระพุทธรูปปางนาคปรกแบบศิลปะไทย เดิน กลับเข้าทางเดินอีกครั้งหลังจากเข้าวิหารพระหมื่นปี เห็นพระพุทธรูปปางนาคปรกขนาดใหญ่มากองค์หนึ่งในวัดอนาลโยทิพยาราม สร้างด้วยศิลปะแบบไทยและใช้สีสันที่สวยงาม





พระเจดีย์
พระเจดีย์ อยู่ กลางทางเดินถัดจากพระพุทธรูปปางนาคปรก เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมส่วนยอดเป็นกรวยแหลม มีบันไดทางขึ้นสู่พระเจดีย์ 3 ด้าน ด้านตะวันออกประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ส่วนด้านทิศเหนือและทิศใต้ประดิษฐานพระพุทธรูปที่บันไดทางขึ้นลง ปางมารวิชัยพร้อมฉัตร ในรูปเป็นด้านทิศตะวันตก ที่มุมทั้งสี่ด้านของลานพระเจดีย์ มีเจดีย์องค์เล็กๆ สร้างแบบเดียวกันอยู่ทั้งสี่มุม ลานรอบๆ องค์พระเจดีย์ปูด้วยแผ่นกระเบื้องมีลวดลายเรียงต่อกันไป


หอพระเงิน
หอพระเงิน เป็น หอพระสร้างจากไม้ทั้งหลัง อยู่นอกทางเดินหลัก ถัดจากวิหารพระหมื่นปี หอสร้างแบบหลังคาสูงไม่กว้างมากแต่มีความยาวตามแนวลึก รอบๆ บริเวณเป็นระเบียงทางเดินมีแนวรั้วสร้างจากไม้ทั้งหมด การก่อสร้างอยู่บนส่วนสันเขาด้านล่างจึงมีเสารองรับลงไปจนถึงพื้นที่ลาด เอียงของแนวสันเขาจำนวนมาก ทั้งวิหารพระหมื่นปีและหอพระเงิน ผู้ที่เดินอยู่ตามทางเดินด้านบนแทบไม่รู้สึกเลยว่ากว่าจะก่อสร้างมาได้ขนาด นี้ต้องผ่านความยากลำบากขนาดไหนหากไม่ได้เห็นตรงส่วนที่เสาฝังอยู่ใต้อาคาร ต่างๆ เหล่านี้



สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี เป็น รูปเหมือนสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสี ที่อยู่ในหอพระเงิน ด้านหลังหอพระเงินมีเจดีย์ สร้างด้วยอิฐ ลวดลายสวยงาม ด้านหลังหอนี้เป็นพระเจดีย์
 
 
 
 
 
 
 
 
พระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคล  
พระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคล พระพุทธรูปแบบสุโขทัย สูง ๑๘ เมตร หน้าตักกว้าง ๑๒ เมตร อยู่ถัดมาจากพระเจดีย์





ศิลปะที่บันได
ศิลปะที่บันได หลัง จากนมัสการพระพุทธเมตตานภาวิสุทธิมงคล แล้วเดินตามทางเดินต่อมาเรื่อยๆ จะเห็นบันไดแห่งนี้ซึ่งเป็นบันไดไปยังอาคารหลังหนึ่ง พญานาคเลื้อยที่บันไดนี้มีลวดลายสวยงามปราณีต



งานก่อสร้างปูนผสมไม้
 
งานก่อสร้างปูนผสมไม้ เป็น การก่อสร้างที่เรียกได้ว่าแปลกตากว่าอาคารหลังอื่นๆ ตรงส่วนกลางสร้างด้วยปูนมีระเบียงยื่นออกมาทั้ง 2 ข้างสร้างด้วยไม้อย่างลงตัวส่วนที่เป็นไม้มีลวดลายสลักสวยงาม



พระเจดีย์ด้านหลังอาคาร
พระเจดีย์ด้านหลังอาคาร นับเป็นอาคารที่ 2 ที่มีลักษณะการก่อสร้างคล้ายๆ กัน คือ หอพระเงิน และอาคารหลังนี้ที่มีการสร้างเจดีย์อยู่ชิดกับอาคารที่ด้านหลัง







ซุ้มประตูไม้สลักลายสวยงาม
ซุ้มประตูไม้สลักลายสวยงาม เมื่อ เดินต่อมาอีกหน่อยจะเห็นซุ้มประตูแห่งนี้ ระหว่างที่เดินถึงจุดนี้อยู่ๆ ก็มีฝนตกลงมา ทั้งๆ ที่ฟ้ายังสว่างสดใสทำให้เราต้องรีบเดินไปยังวิหารพระแก้วมรกต




หอพระแก้วมรกต
หอพระแก้วมรกต เป็น อาคารที่สร้างด้วยไม้ ภายนอกประดับด้วยไม้แกะสลักสวยงามมากผนังเป็นไม้เปิดช่องกระจกหลายๆ ช่อง บานกระจกกว้างประมาณ 4 นิ้ว มีลวดลายดอกไม้สวยงาม
 




หอพระแก้วมรกตหอพระแก้วมรกต เมื่อ ถ่ายภาพส่วนตรงกลางของอาคารรู้สึกได้ถึงศิลปะแบบจีนผสมอยู่ หอพระแก้วมรกตนี้สร้างขึ้นโดยมุ่งหวังเป็นสถานที่เก็บรักษาพระพุทธรูปและ สิ่งมีค่าต่างๆ ที่มีผู้นำมาถวาย การก่อสร้างเน้นให้มีความมั่นคงแข็งแรง และไม่ต้องเกรงกลัวโจรขโมยจะมาขโมยสิ่งล้ำค่าต่างๆ




พระแก้วมรกตและพระพุทธรูปสำคัญพระแก้วมรกตและพระพุทธรูปสำคัญ ใน วิหารพระแก้วมรกตแห่งนี้ ได้มีการจัดทำโต๊ะหมู่เรียงลำดับความสำคัญของพระพุทธรูปที่มีผู้นำมาถวาย โดยเริ่มจากพระแก้วมรกตทำจากแก้วสีเขียวมรกต พระแก้วบุษราคัม ทำด้วยแก้วมณีสีเหลืองสดใส มีพระพุทธรูปทองคำหน้าพระเพลา ๗ นิ้ว หนัก ๒๗๓ บาท


 


                                                      
                                                 
  หมู่บ้านผักตบชวา

    ในอดีต ชาวบ้านตำบลสันป่าม่วง มีอาชีพทำไร่ ทำนา หาของป่า และการประมง ตำบลสันป่าม่วง มีสภาพภูมิศาสตร์ติดกับกว๊านพะเยา มีผักตบชวาลอยอยู่มากมาย ผักตบชวาเป็นเพียงวัชพืช ที่ไม่มีคุณค่าแต่อย่างใด ชาวบ้านนำยอดอ่อนมาปรุงอาหาร และนำลำต้นที่กำจัดทิ้งมาหมักปุ๋ยเท่านั้น


ต่อมาในปี พ.ศ. 2524 ได้มีแม่ชี 2 คน จากสำนักสงค์แห่งหนึ่งซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในการทำหัตถกรรมผักตบชวา มาพำนักอาศัยอยู่ในเขตตำบลสันป่าม่วง ได้นำความรู้ในการทำหัตถกรรมจากผักตบชวา มาฝึกสอนให้กับกลุ่มแม่บ้านตำบลสันป่าม่วง เป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวบ้านหลังฤดูทำนา โดนเริ่มจากการสอนชาวบ้านนำก้านผักตบชวามาจักสานเป็นของชำร่วยและเปลญวน ซึ่งใช้วิธีการที่ไม่วับซ้อนมาก โดยการนำเอาก้านผักตบชวามาตากให้แห้ง และสานขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ แต่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่มีความคงทน สวยงาม และขึ้นราง่าย ผลิตภัณฑ์บางชนิดใช้วัตถุดิบและเวลามาก เช่น เปลญวน แต่ราคาต่ำ ผลตอบแทนที่ได้ไม่คุ้มค่ากับแรงงานที่ทำไป
ต่อมาได้มีส่วนราชการต่างๆ ในจังหวัดพะเยา ได้แก่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพะเยา สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยา ได้จัดหาวิทยากรมาฝึกอบรม ให้ความรู้เพิ่มทักษะเกี่ยวกับการตากแห้งโดยการผึ่งแดด และการนำมาอบกำมะถัน ผลิตภัณฑ์ที่ฝึกหัดจักสาน ได้แก่ กระจาดรูปไข่ จานรองแก้ว ฯลฯ เป็นต้น จนกระทั่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้พิจารณาคัดเลือก หมู่บ้านสันป่าม่วง เป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมชนบทเพื่อการท่องเที่ยว ตามโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรม หลังจากนั้นได้มีส่วนราชการต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนและส่งเสริมพัฒนารูปแบบและกระบวนการผลิต ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลสันป่าม่วง สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเมืองพะเยา
สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพะเยา สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพะเยา ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเมืองพะเยา และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยา ฯลฯ สนับสนุนงบประมาณ จัดฝึกอบรมทำผลิตภัณฑ์ผักตบชวาขั้นเพิ่มทักษะ สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนฯ เป็นต้น ปัจจุบันได้มีการพัฒนาที่กระบวนการผลิต รูปแบบ ความคงทน และความสวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาด ตลอดจนมีการขยายกำลังการผลิตไปยังหมู่บ้าน/ตำบล ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อให้มีกำลังผลิตที่เพียงพอกับการรับคำสั่งซื้อของ
 ตลาดได้













ที่มา http://www.touronthai.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-7000017.html













































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น